สรุปงานวิจัย
เรื่อง
การศึกษาความสามารถทางพหุปัญญาของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมโดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์
(A study of multiple intelligences abilities of
young children enhancing science activities)
ของ พิมพ์พรรณ ทองประสิทธ์
พหุปัญญา หมายถึง
สติปัญญาความสามารถที่หลากหลายของบุคคลที่มีความสามารถที่มาจากการถูกควบคุมโดยสมองแต่ละส่วนและการพัฒนาสมองต้องได้รับการเลี้ยงดูจากสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม
การส่งเสริมความสามารถทางสติปัญญาในการทำกิจกรรมต่างๆอย่างมีเป้าหมายคิดอย่างมีเหตุผล
และต้องจัดให้เหมาะสมกับความแตกต่างระหว่างบุคคลเพื่อให้พัฒนาความสามารถทางสติปัญญาของบุคคลในการปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม
และสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทฤษฏีที่เกี่ยวข้องกับพหุปัญญา ได้มีผู้ที่ศึกษาถึงสติปัญญาเอาไว้
ทฤษฏีการพัฒนาสติปัญญา
ดังนี้
ทฤษฏีพหุปัญญา
การ์ดเนอร์
ได้คิดทฤษฏีพหุปัญญาที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาพหุปัญญา
เกิดจากศึกษาเรื่องสมองที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสติปัญญาและความสามารถที่หลากหลายของบุคคล
และมีความเชื่อว่าสติปัญญาแต่ล่ะด้านจะอยู่ที่ต่างๆของสมอง
ซึ่งบุคคลคนหนึ่งอาจมีความสามารถทางสติปัญญาได้หลายด้าน
คนเราไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะการเรียนอย่างเดียวแต่สติปัญญายังมีอีกหลายด้านและแต่ละคนมีสติปัญญาแต่ละด้านไม่เท่ากัน
แต่สามารถพัฒนาสติปัญญาในแต่ละด้านได้มากน้อยต่างกันในแต่ละบุคคล ซึ่งการ์ดเนอร์
เชื่อว่าแม้ว่าคนแต่ละคนจะมีสติปัญญาแต่ละด้านไม่เท่ากันแต่ก็สามารถพัฒนาสติปัญญาทั้ง
8 ด้านได้ คือ ด้านภาษา ด้านตรรกะ/คณิตศาสตร์ ด้านมิติสัมพันธ์
ด้านร่างกายและการเคลื่อนไหว
ด้านดนตรี
ด้านความเข้าใจผู้อื่น ด้านความเข้าใจตนเอง ด้านธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
โครงสร้างของสมองแบ่งเป็น 3 ส่วนใหญ่ๆ ดังนี้ 1
สมองใหญ่ 2 สมองเล็ก 3 ก้านสมอง
สมองกับสติปัญญาและการเรียนรู้นั้นสมองของเด็กมีการปรับเปลี่ยนได้ทั้งในด้านโครงสร้างและหน้าที่
การเรียนรู้ที่ได้จากสภาพแวดล้อมสามารถเปลี่ยนแปลงการทำงานของสมองได้อย่างมากในการพัฒนาสติปัญญาขึ้นอยู่กับสมอง
เด็กที่ได้รับการกระตุ้นจากสภาพสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม
ทำให้สมองของเด็กเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วและความสามารถในการเรียนรู้ของสมองเด็ก
ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยแต่ละปัจจัยแต่ละปัจจัยมีบทบาทที่สำคัญและจะเสริมซึ่งกันและกัน
ดังนั้นในการช่วยใหเด็กเรียนดีจำเป็นที่จะต้องคำนึงถึงปัจจัยทุกด้านและทำการแก้ไขปัจจัยดังกล่าวให้ดีขึ้น
เด็กที่มีทางเดินเส้นประสาทที่ใช้ในการคิดและเส้นประสาทที่เชื่อมโยงระหว่างเชลล์สมองจำนวนมากจะสามารถเรียนรู้ได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากกว่าเด็กทั่วไป
ฉะนั้นการส่งเสริมการพัฒนาสมองให้เกิดความสมดุลจะส่งผลในการพัฒนาพหุปัญญาในเด็กปฐมวัย
คู่มือการจัดกิจกรรมโดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์
หลักการและเหตุผล
การจัดกิจกรรมโดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์
เป็นการจัดกิจกรรมที่มีลักษณะที่สำคัญที่มุ่งสอนให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลางมีแนวทางในการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติกิจกรรมเรียนรู้ด้วยตนเอง
ซึ่งในงานวิจัยนี้ได้นำกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ซึ่งเป้นทักษะขั้นสูงมาเป็นแนวในการจัดกิจกรรม
เพื่อพัฒนาความสามารถทางพหุปัญญาในระดับปฐมวัย ตามแนวของโฮเวิร์ด การ์ดเนอร์ จำนวน
8 ด้านคือ 1.ความสามารถทางสติปัญญาด้านภาษา
2.ความสามารถทางสติปัญญาด้านตรรกะ/คณิตศาสตร์
3.ความสามารถทางสติปัญญาด้านมิติสัมพันธ์
4.ความสามารถทางสติปัญญาด้านร่างกายและการเคลื่อนไหว 5.ความสามารถทางสติปัญญาด้านดนตรี
6.ความสามารถทางสติปัญญาด้านความเข้าใจผู้อื่น 7.ความสามารถทางสติปัญญาด้านความเข้าใจตนเอง
8.ความสามารถทางสติปัญญาด้านธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ผ่านการบูรณาการการเรียนรู้เชื่อมโยงกับความสนใจของเด็กและบูรณาการสาระการเรียนรู้ในเรื่องต่างๆเข้าด้วยกัน
เน้นการทำงานกลุ่มการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม ผู้เรียนได้เรียนรู้จากการปฏิบัติที่เป็นระบบโดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์มาแก้ปัญหาที่ต้องการค้นหาคำตอบที่สงสัย
ตลอกจนลงมือปฏิบัติกิจกรรม
จากการปฏิบัติกิจกรรมนักเรียนได้รับการพัฒนาความสามารถพหุปัญญาทั้ง 8 ด้าน
ขั้นตอนการจัดกิจกรรมโดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์
มีขั้นตอนในการปฏิบัติกิจกรรม 5 ขั้น ดังนี้
ขั้นการสำรวจปัญหา
เป็นการค้นหาความสนใจของผู้เรียนที่ต้องการค้นหาคำตอบที่สงสัยโดยครูเป็นผู้กระตุ้นความสนใจในหัวเรื่องที่จะเรียนรู้
ขั้นการตั้งสมมุติฐาน ผู้เรียนจะคาดคะเน
วางแผนในการค้นหาคำตอบที่สามารถหาได้จากวัสดุ อุปกรณ์
ขั้นการศึกษาค้นคว้า การเรียนรู้ที่ได้วางแผนไว้
โดยการแก้ปัญหาด้วยกระบวนการที่หลากหลาย เป็นการศึกษาค้นคว้า สำรวจ สังเกต
การทดลอง การปฏิบัติจริง เน้นการทำงานเป็นกลุ่ม การเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม
ขั้นการสรุปผล
เด็กได้สรุปผลจากที่ได้สร้างองค์ความรู้จากการแก้ปัญหาตามที่ได้วางแผนไว้
ขั้นการนำเสนอ
เป็นกานนำเสนอสรุปผลที่ศึกษาค้นคว้าหาคำตอบที่ได้ในรูปการเขียนรายงานแบบวาดภาพ
และนำเสนอความรู้ที่ได้จัดในรูปการอธิบายการเล่าเรื่องหรือการสาธิต
แผนการจัดกิจกรรมโดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์
ตัวอย่างการจัดกิจกรรม
เรื่อง
น้ำ
กิจกรรม
มีจำนวน 3 กิจกรรม ดังนี้
1. ไอศกรีม (พัฒนาพหุปัญญาด้านความเข้าใจผู้อื่น)
2. การกรอกน้ำ (พัฒนาพหุปัญญาด้านร่งกายและการเคลื่อนไหว)
3. ดนตรีขวดน้ำ
(พัฒนาพหุปัญญาดนตรีและความเข้าใจตนเอง)
แนวคิด
น้ำเป็นธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่มีคุณค่าต่อสิ่งมีชีวิตโดยเฉพาะมนุษย์
น้ำมีลักษณะเป็นของเหลวเปลี่ยนแปลงรูปร่างได้ตามรูปทรงของภาชนะ
มีคุณสมบัติพิเศษที่สามารถเปลี่ยนแปลงจากของเหลวกลายเป็นของแข็งและของแข็งกลายเป็นของเหลวได้
และน้ำในปริมาณที่แตกต่างกันอยู่ในภาชนะที่เป็นแก้วเมื่อเคาะจะมีระดับเสียงที่ต่างกัน
สาระการเรียนรู้
1. การเปลี่ยนแปลงของน้ำ จากของเหลวกลายเป็นของแข็ง
2. การเปรียบเทียบน้ำที่เป็นของเหลวกับของแข็ง
3. การเปลี่ยนแปลงรูปร่างและขนาดของน้ำ
4. การสังเกตลักษณะของน้ำกับภาชนะรูปทรงต่างๆ
5. น้ำเทออกและบรรจุในภาชนะต่างๆได้
6. น้ำในปริมาณที่แตกต่างมีระดับเสียงที่แตกต่างกัน
จุดประสงค์ที่พึงพัฒนาพหุปัญญา ทั้ง 4 ด้าน
1. ด้านร่างกายและการเคลื่อนไหว
-
ควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกายในการปฏิบัติกิจกรรมในการกรอกน้ำได้
-
ใช้ร่างกายแสดงท่าทาง อธิบายความรู้ในการกรอกน้ำได้
-
ทำกิจกรรมต่างๆอย่างประสานสัมพันธ์
ระหว่างกล้ามเนื้อมือกับประสาทตาในการกรอกน้ำได้
2.
ด้านดนตรี
-
ร้องเพลงประกอบจังหวะได้
-
มีปฏิกิริยาตอบโต้ต่อทำนองเพลงและจังหวะได้
-
แสดงท่าทางประกอบจังหวะและสัญญาณได้
3.
ด้านความเข้าใจผู้อื่น
-
วางแผนปฏิบัติกิจกรรมร่วมกับผู้อื่นในการปฏิบัติกิจกรรมไอศกรีมได้
-
ปฏิบัติกิจกรรมร่วมกับผู้อื่นโดยการแสดงความช่วยเหลือเพื่อนในกลุ่มในการปฏิบัติกิจกรรมไอศกรีมได้
-
แสดงความเอื้อเฟื้อและแบ่งปันสิ่งของต่อผู้อื่นในการปฏิบัติกิจกรรมไอศกรีมได้
4.
ด้านความเข้าใจตนเอง
-
ตั้งใจปฏิบัติกิจกรรมและมีความสนใจต่อสิ่งที่ทำในการปฏิบัติกิจกรรมดนตรีขวดน้ำได้
-
กล้าแสดงออกอย่างมั่นใจในการนำเสนอผลงานในการปฏิบัติกิจกรรมดนตรีขวดน้ำได้
-
แสดงการทำงานโดยการปฏิบัติกิจกรรม อย่างมีการวางแผนในการปฏิบัติกิจกรรมดนตรีขวดน้ำได้
แนวการประเมินผล
1. ด้านร่างกายและการเคลื่อนไหว
-
สังเกตการควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกายในการปฏิบัติกิจกรรมในการกรอกน้ำได้
-
สังเกตการใช้ร่างกายแสดงท่าทาง อธิบายความรู้ในการกรอกน้ำได้
-
สังเกตการทำกิจกรรมต่างๆอย่างประสานสัมพันธ์
ระหว่างกล้ามเนื้อมือกับประสาทตาในการกรอกน้ำได้
2.
ด้านดนตรี
-
สังเกตการร้องเพลงประกอบจังหวะได้
-
สังเกตการมีปฏิกิริยาตอบโต้ต่อทำนองเพลงและจังหวะได้
-
สังเกตการ แสดงท่าทางประกอบจังหวะและสัญญาณได้
3.
ด้านความเข้าใจผู้อื่น
-
สังเกตการวางแผนปฏิบัติกิจกรรมร่วมกับผู้อื่นในการปฏิบัติกิจกรรมไอศกรีมได้
-
สังเกตการปฏิบัติกิจกรรมร่วมกับผู้อื่นโดยการแสดงความช่วยเหลือเพื่อนในกลุ่มในการปฏิบัติกิจกรรมไอศกรีมได้
-
สังเกตการแสดงความเอื้อเฟื้อและแบ่งปันสิ่งของต่อผู้อื่นในการปฏิบัติกิจกรรมไอศกรีมได้
4.
ด้านความเข้าใจตนเอง
-
สังเกตการตั้งใจปฏิบัติกิจกรรมและมีความสนใจต่อสิ่งที่ทำในการปฏิบัติกิจกรรมดนตรีขวดน้ำได้
-
สังเกตการกล้าแสดงออกอย่างมั่นใจในการนำเสนอผลงานในการปฏิบัติกิจกรรมดนตรีขวดน้ำได้
-
สังเกตการแสดงการทำงานโดยการปฏิบัติกิจกรรม อย่างมีการวางแผนในการปฏิบัติกิจกรรมดนตรีขวดน้ำได้